วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

นิทานหมีขาว :)

ในขั้วโลกเหนือยังมีหมีขาวอยู่สองตัว
หมีตัวผู้ชายชื่อว่าหมีบีโฮลเด้ Beholde   หมีตัวผู้หญิงชื่อว่าหมีอาเลนี่ Alene
หมีขั้วโลกสองตัวนี้เป็นแฟนกัน
หมีบีโฮลเด้เป็นหมีเข้มแข็ง สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวคนเดียวได้ ค่อนข้างจัดเป็นหมีรักสันโดษอยู่บ้าง
ส่วนหมีอาเลนี่เป็นหมีขี้เหงาแถมทำอะไรก็ไม่ค่อยเป็น ส่วนใหญ่เธอมักจะพึ่งพาหมีบีโฮลเด้อยู่ตลอดเวลา
นิทานหมีขั้วโลก
วันหนึ่งหมีอาเลนี่พูดขึ้นมาว่า แต่งงานกันเถอะนะ
หมีบีโฮลเด้ไม่ยิ้มและไม่ตอบอะไร เพราะมัวแต่คิดในใจอยู่ว่า
เขาก็อยู่ของเขาตัวเดียวได้นี่นา แล้วทำไมจะต้องแต่งด้วย
หมีอาเลนี่อ้อนต่อว่า ชั้นชอบที่มีคุณคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา คุณทำให้ชั้นมีความสุข
ถ้าเป็นหมีหนุ่มตัวอื่นก็คงจะเป็นปลื้มไปแล้วที่ได้ยินแฟนพูดยอกันแบบนี้ แต่หมีบีโฮลเด้เป็นหมีคิดมาก
เขาคิดว่าการดูแลคนรักได้เป็นแค่คุณสมบัติที่คนเป็นแฟนกันจะต้องมีเท่านั้น
แต่ไม่ใช่เหตุผลของการเลือกที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตเลย

 นิทานหมีขั้วโลก
วันรุ่งขึ้นหมีบีโฮลเด้หายไปจากบ้าน. . . แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย
หมีอาเลนี่ร้องไห้ตัดพ้อต่อว่าหมีบีโฮลเด้ว่าทำไมต้องทิ้งกันด้วย
ชั้นหาอาหารก็ไม่ค่อยเก่ง ทำอะไรก็ไม่ค่อยเป็น...แต่ก่อนก็ทำให้ชั้นมาตลอด
แล้วจู่ๆก็มาทิ้งกันไปเฉยๆเลยเนี่ยนะ  หมีบีโฮลเด้ใจร้าย หมีบีโฮลเด้ใจร้ายที่สุด

 นิทานหมีขั้วโลก
และแล้วเวลาก็ผ่านไปหนึ่งปี  เป็นหนึ่งปีที่หมีขาวทั้งสองตัวได้เรียนรู้อะไรมากมาย

ในเวลานี้หมีอาเลนี่ไม่ใช่หมีหน่อมแน้มขี้เหงาตัวเดิมที่ทำอะไรไม่เป็นอีกแล้ว เธอเข้มแข็งขึ้นมาก
เธอรับรู้แล้วว่าการใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองเป็นความรู้สึกที่ดีถึงเพียงไหน
และเมื่อหมีอาเลนี่สามารถดูแลตัวเองได้  เธอก็เริ่มเกิดความรู้สึกว่าอยากจะได้ดูแลคนที่เธอรักบ้าง
เธอไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน
และก็พลันพบว่าเธอได้พลาดอะไรไปบ้างเมื่อตอนที่ยังมีหมีบีโฮลเด้อยู่ด้วย
เธอเอาแต่พึ่งพาหมีบีโฮลเด้ตลอด จนตัวเธอเองไม่มีโอกาสได้ทำอะไรดีๆให้กับเขาบ้างเลย
เธอไม่เคยหาอาหารมาป้อนเขาบ้าง  เธอไม่เคยรับฟังปัญหาของเขา
เธอซบไหล่เขาตลอดเวลา...แต่ไม่เคยให้ไหล่ของเธอเป็นที่พักพิงกับเขาเลย
ตอนนี้เธอรู้สึกแล้วว่าเธอสมควรโดนทิ้งจริงๆ . . .

 นิทานหมีขั้วโลก
ส่วนหมีบีโฮลเด้...หลังจากที่หนีมาก็ไม่ได้ไปไหนไกล เขาเฝ้าอยู่ข้างกายหมีอาเลนี่มาโดยตลอด
เขามักจะปลอมตัวเป็นเนินหิมะไปติดตามคอยดูแลเธออยู่อย่างเงียบๆ เสมอๆ
โดยเฉพาะช่วงแรกๆที่หมีอาเลนี่ยังจับปลาไม่เป็น
หมีบีโฮลเด้ต้องคอยไปแอบจับปลาแล้วเอามาวางทิ้งไว้ที่ข้างๆหลุมน้ำแข็งให้
ด้วยความที่หมีอาเลนี่เป็นหมีหน่อมแน้ม
เธอก็เข้าใจว่าปลาคงจะหนาวเลยกระโดดขึ้นมานอนตากแดดเล่นล่ะมั้ง
จนกระทั่งนานเข้า เมื่อหมีอาเลนี่ก็สามารถดูแลตัวเองได้
และไม่ต้องการการดูแลอย่างลับๆจากเขาอีกต่อไป...

นั่นทำให้หมีบีโฮลเด้มีเวลาเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติตามประสาหมีโสดไปวันๆ อย่างมีอิสระ
หมีบีโฮลเด้ไม่มีภาระอะไรให้ต้องห่วงให้ต้องกังวลเหมือนเช่นตอนที่ยังอยู่กับหมีอาเลนี่อีกแล้ว
แรกๆเขาก็สบายใจ แต่พอนานเข้าเขาก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตเหมือนจะขาดอะไรบางอย่างไป
แค่ขาดอะไรบางอย่างไปยังไม่พอ แต่กลับยังมีความเหงามาแทนที่อีกด้วย
และแล้วเขาก็เข้าใจความรู้สึกของหมีอาเลนี่ขึ้นมาในทันที
เขารับรู้แล้วว่าการมีใครสักคนคอยเฝ้าเคียงข้างอยู่ทุกเวลาเป็นความรู้สึกที่ดีถึงเพียงใด

ตอนนี้เขารู้สึกแล้วว่าเขาไม่น่าทิ้งเธอมาจริงๆ . . .


นิทานหมีขั้วโลก 
และแล้วเมื่อวันสุดท้ายของฤดูร้อนก่อนที่จะถึงช่วงจำศีลอันแสนยาวนานในฤดูหนาวมาถึง

หมีอาเลนี่นั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งข้างๆเนินหิมะ
แม้เธอจะเข้มแข็งและสามารถอยู่ด้วยตัวคนเดียวได้แล้ว . . . แต่เธอก็กลับมีน้ำตาไหลออกมา

กลับมาหาชั้นเถอะนะ ชั้นมีอะไรที่อยากจะชดเชยให้กับคุณมากมาย เธอพูดคนเดียวทั้งน้ำตา
 ผมก็ขอโทษ ต่อไปนี้ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีกแล้ว หมีอาเลนี่ประหลาดใจที่มีเสียงตอบกลับมา

เนินหิมะข้างๆเธอเริ่มขยับ และก็ยืนขึ้นมากลายเป็นหมีบีโฮลเด้นี่เอง
หมีอาเลนี่ยิ้มทั้งน้ำตา

แต่งงานกันเถอะนะ ชั้นอยากจะดูแลคุณ ชั้นอยากจะทำให้คุณมีความสุข

คราวนี้หมีบีโฮลเด้ก็ยังคงไม่ตอบอะไรเช่นเดิม เขาเพียงแต่ยิ้ม
และก็ใช้เพียงแค่รอยยิ้มนี้กับแววตาเท่านั้น แทนคำตอบว่าตกลง
หน้าหนาวปีนี้คุณกับผมมานอนจำศีลด้วยกันนะ มันจะต้องเป็นหน้าหนาวที่อบอุ่นและมีความสุขมากแน่ๆ


 นิทานหมีขั้วโลก
หมีอ่อนแอต้องการคนดูแล
ถ้าไม่รู้จักความสุขของการได้ดูแลคนอื่นบ้าง
ก็อาจกลายเป็นภาระของคนรัก

หมีเข้มแข็งที่ใช้ชีวิตเพียงลำพังได้
ถ้าไม่รู้จักความอ้างว้างบ้าง
ก็คงไม่รู้ว่าการมีคนรักอยู่เคียงข้างมีค่าแค่ไหน

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557

เมื่อหมีขาวต้องการปรับตัว...




พบหมีขั้วโลกมีพฤติกรรมเปลี่ยน จากล่าแมวน้ำเป็นอาหาร หันมากินห่าน กวาง และผลไม้ เชื่อเหตุจากภาวะโลกร้อนน้ำแข็งละลาย นักวิจัยชี้เป็นสัญญาณการปรับตัวของสัตว์นักล่าแห่งขั้วโลก หวั่นอาจซื้อเวลาให้ราชาแห่งอาร์กติกได้อีกเพียงไม่นาน
      
       ทีมวิจัยสหรัฐฯเผยผลการศึกษาพฤติกรรมหมีขั้วโลกบริเวณอ่าวฮัดสัน (Hudson Bay) ทางตอนเหนือของแคนาดา พบนักล่าแห่งขั้วโลกมีการล่าเหยื่อบนบกมากขึ้น ทั้งห่านและกวางแคริบู สอดคล้องกับผลการศึกษาเศษซากในมูลสัตว์ใหญ่ดังกล่าวที่ชี้ว่ามีพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไปจากในอดีตที่ยังไม่ถูกคุกคามจากภาวะโลกร้อนมากเท่ากับในปัจจุบัน
      
       “เราพบว่าพวกหมีขั้่วโลกกินทุกอย่างที่พวกมันหาได้บนแผ่นดิน ทั้งห่านหิมะ, ไข่ และแม้กระทั่งกวางแคริบู” ข้อมูลจากลินดา กอร์เมซาโน (Linda Gormezano) นักชีววิทยาด้านสัตว์มีกระดูกสันหลัง จากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาอเมริกัน ในนิวยอร์ก (American Museum of Natural History in New York) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมวิจัย
      
       ถึงกระนั้นก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากลยุทธ์ในการหาอาหารของหมีขั้วโลกในลักษณะนี้จะสามารถชดเชยผลกระทบในทางลบจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ดังที่เคยมีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงจำนวนประชากรของหมีขั้วโลก
      
       ข้อมูลจากโพลาแบร์อินเตอร์เนชั่นแนล (Polar Bears International) ซึ่งเป็นองค์กรอนุรักษ์หมีขั้วโลกโดยไม่แสวงหาผลกำไรได้ให้ข้อมูลว่า หมีขั้วโลกดำรงชีวิตอยู่ในธรรมชาติได้จากการล่าแมวน้ำและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลชนิดอื่นๆ เป็นอาหาร โดยที่หมีขั้วโลกจะรอคอยเหยื่ออยู่บริเวณช่องหรือรอยแยกของแผ่นน้ำแข็งในทะเล และคอยจู่โจมเหยื่อที่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อธารน้ำแข็งละลายลง หมีขั้วโลกต้องอาศัยอยู่บนฝั่งและกินอาหารหลากหลาย รวมทั้งเห็ดและผลเบอร์รี หรือแม้กระทั่งห่านหิมะและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น
      
       ทว่าภาวะโลกร้อนส่งผลให้ธารน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกลดน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงที่หมีขั้วโลกต้องเร่งหาอาหารและสะสมไขมันก่อนที่จะต้องย้ายไปอยู่บนแผ่นดิน ด้วยเหตุนี้เอง รัฐบัญญัติคุ้มครองสัตว์และพืชใกล้สูญพันธุ์ของสหรัฐอเมริกา (U.S. Endangered Species Act) จึงได้บรรจุรายชื่อสัตว์ที่สง่างามและน่าเกรงขามอย่างหมีขั้วโลกให้อยู่ในกลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่ถูกคุกคาม (threatened species) เช่นเดียวกับที่องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature) ได้จัดให้หมีขั้วโลกเป็นสัตว์ที่ถูกคุกคามและมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์
      
       ทีมวิจัยได้บันทึกภาพหมีขั้วโลกที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกของอ่าวฮัดสันที่อยู่เหนือแคนาดาขึ้นไป โดยสามารถจับภาพหมีขั้วโลกขณะกำลังวิ่งไล่ ล่า และกินห่านหิมะเป็นอาหาร โดยได้มีการเผยแพร่งานศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าวในวารสารโพลาร์อีโคโลจี (Polar Ecology) เมื่อปี 2013
      
       นอกจากนั้นในปีเดียวกัน ทีมวิจัยยังได้เผยผลการศึกษามูลของหมีขั้วโลกในยุคปัจจุบันในวารสารอีโคโลจี แอนด์ อีโวลูชัน (Ecology and Evolution) โดยมีการเปรียบเทียบกับผลการศึกษาเรื่องเดียวกันนี้ในช่วงปี 1968-1969 ซึ่งในเวลานั้นภาวะโลกร้อนยังไม่ได้ส่งผลต่อถิ่นที่อยู่อาศัยของหมีขั้วโลกรวดเร็วเช่นในปัจจุบัน
      
       นักวิจัยพบว่าในมูลของหมีขั้วโลกในอดีตมีเศษซากของห่านหิมาะน้อยกว่า ขณะที่มูลของหมีขั้วโลกในช่วงเวลาปัจจุบันเต็มไปด้วยเศษซากของกวางแคริบูและไข่ห่าน ซึ่งไม่พบในตัวอย่างที่ศึกษาก่อนหน้านี้ นั่นแสดงว่าหมีขั้วโลกมีพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไปจากเดิม
      
       การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากการละลายของธารน้ำแข็ง ที่ทำให้หมีขั้วโลกต้องดำรงชีพอยู่บนฝั่งเร็วขึ้น เป็นผลให้หมีขั้วโลกมีช่วงเวลาที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินคาบเกี่ยวกับห่านหิมะน้อยลง และเพิ่มโอกาสในการกินไข่ห่านเป็นอาหารให้แก่หมีขาว ดังที่กอร์เมซาโนให้ข้อมูลแก่ไลฟ์ไซน์ว่า
      
       “พวกเรายังบอกได้ไม่ชัดเจนนักว่าปริมาณแคลอรีในอาหารของหมีขั้วโลกเหล่านี้จะชดเชยให้แก่การสูญเสียโอกาสในการล่าแมวน้ำเป็นอาหารได้ แต่มันแสดงให้เห็นได้ว่าหมีขาวมีการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่พวกมันกำลังเผชิญ และพวกมันก็สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้” กอร์เมซาโนเผย และยังบอกอีกว่าหมีขั้วโลกยังมีความได้เปรียบอยู่จากขุมทรัพย์กวางแคริบู ซึ่งจากการสำรวจในบริเวณพื้นที่ศึกษาวิจัยในช่วงทศวรรษที่ 60 พบว่ามีกวางแคริบูอยู่ประมาณ 100 ตัว ขณะที่ปัจจุบันนี้มีอยู่ราว 3,000-5,000 ตัว

      
       แม้จะมีความได้เปรียบในเรื่องของปริมาณอาหารบนฝั่งที่มีมากกว่าในอดีต แต่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการหาอาหารก็ไม่น่าจะช่วยรักษาหมีขั้วโลกจากภาวะโลกร้อนและการหายไปของธารน้ำแข็งได้
      
       “เพียงบางส่วนของสิ่งเหล่านี้สามารถที่จะซื้อเวลาอีกเพียงเล็กน้อยของหมีขั้วโลกได้เพียงบางตัวเท่านั้น ทว่าส่วนที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีหลักฐานว่าอาหารสำรองใดๆจะมีผลดีต่อหมีขั้วโลกในระดับประชากร” สตีเฟน ซี อัมสตรัป (Steven C. Amstrup) นักวิจัยของโพลาร์แบร์อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานวิจัยเรื่องดังกล่าว ให้สัมภาษณ์แก่ไลฟ์ไซน์
      
       อัมสตรัปให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในตอนนี้สิ่งแวดล้อมบริเวณชายฝั่งมีอาหารเพียงพอสำหรับหมีกริซลีย์ (grizzly bears) ขนาดเล็กที่สุดที่ความหนาแน่นของประชากรที่ระดับต่ำ พร้อมกับตั้งคำถามว่า มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องยัดเยียดประชากรทั้งหมดของหมีที่ใหญ่ที่สุดในโลก(หมีกริซลีย์) ให้ไปรวมกันอยู่ในพื้นที่ที่มีอาหารเพียงพอแค่สำหรับหมีขนาดเล็กเพียงไม่กี่ตัว

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2557

ฝันถึงหมี หมายถึงอะไรกันน้ะ?

ผลคำทำนายฝัน ฝันเห็น หมีขาว

ใครที่เข้ามาขอความช่วยเหลือก็ลองดูข้อมูลหรือความเห็นของคนอื่นประกอบด้วย ว่าสมควรหรือไม่อย่างไร
ระวังเรื่องอารมณ์ของคุณให้ดี เพราะมันจะนำมาซึ่งความเลวร้าย
ระวังเรื่องความเครียดจะส่งผลเสียกับสุขภาพ

ดวงความรัก

คนโสดจับพลัดจับผลูอาจได้เพื่อนรู้ใจมาเป็นแฟน
คุณควรระวังเกี่ยวกับคู่ครองของคุณ เพราะอาจจะมีเรื่องร้อนใจหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
คุณมีโอกาสที่จะพบกับปัญหาความไม่เข้าใจกัน และเกิดอาการบันดาลโทสะได้ง่าย ๆ

ดวงการเงิน การงาน

เป็นช่วงที่รับงานหนักให้อดทนไปก่อน แล้วผลที่ตามมาก็จะดีเอง จะได้รับความเห็นใจจากเจ้านาย
ใครที่เรียกร้องความยุติธรรมด้านการเงินให้ตัวเองอยู่จะมีผู้ใหญ่ช่วยเจรจาให้ และได้รับความเห็นใจ
ธุรกิจต้องอาศัยผู้ใหญ่คอยเป็นที่ปรึกษาหรือดูแลผลประโยชน์ให้ งานจึงจะไปได้ดี

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557

วิถีชีวิตของเจ้าหมีขาว

เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวในเขตอาร์กติก (ราวเดือนธันวาคม-มกราคมดวงอาทิตย์จะค่อย ๆ คล้อยต่ำลงเรื่อย ๆ จนไม่ปรากฏอีกเลยที่เส้นขอบฟ้าตลอดฤดูกาล ซึ่งช่วงเวลานี้นับได้ว่าเป็นช่วงที่หฤโหดที่สุดในภูมิภาคนี้ เพราะไม่มีแสงสว่าง กลางวันจะมืดเหมือนกลางคืน อาหารก็ขาดแคลน พร้อมด้วยพายุหิมะติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน
หมีขาว ในช่วงเวลานี้จะเป็นเวลาที่ให้กำเนิดลูก โดยการขุดโพรงในน้ำแข็งหรือใต้ก้อนหิน เมื่อหิมะตกทับถมมา ผนังถ้ำจะหนาขึ้น และมีความอบอุ่นคล้ายกับอิกลูของชาวเอสกิโม แม่หมีจะคลอดลูกภายในถ้ำนั้น ลูกหมีเกิดใหม่จะมีความยาวราว 20 นิ้วเท่านั้น และมีน้ำหนักตัวไม่ถึงกิโลกรัมดี ซึ่งครั้งหนึ่ง แม่หมีจะออกลูกได้ราว 2 ตัว ในบางครั้งอาจมากถึง 4 ตัว ลูกหมีเกิดใหม่ตาจะยังไม่ลืม และยังไม่มีขนปกคลุมตามลำตัว และจะลืมตาได้เมื่ออายุราว 33 วัน แต่เลนส์ตาจะยังใช้การไม่ได้เต็มที่จนเมื่อมีอายุประมาณ 47 วัน และประสาทหูจะได้ยินเมื่ออายุ 26 วัน แต่จะใช้การได้ดีที่สุดเมื่ออายุได้ 3 เดือน เมื่อลูกหมีอายุเข้า 6 สัปดาห์ครึ่ง ก็ตรงกับช่วงระยะเวลาที่ผ่านพ้นฤดูหนาวพอดี
สำหรับแม่หมีในช่วงนี้จะไม่กินอาหารเลย แต่จะใช้พลังงานจากไขมันที่สะสมไว้ แม้กระทั่งหมีตัวผู้ก็จะเข้าสู่ถ้ำเพื่อจำศีล เมื่อผ่านพ้นฤดูหนาวไปแล้ว หิมะและน้ำแข็งเริ่มละลาย แสงแดดกลับมาอีกครั้ง (เดือนมีนาคม-เมษายน) ซึ่งในช่วงนี้ หมีตัวเต็มวัยอาจจะกินหญ้าหรือมอสส์ เป็นอาหารรองท้องได้ ลูกหมีจะหย่านม แม่หมีจะพาลูก ๆ ตระเวนไปในที่ต่าง ๆ เพื่อสอนวิธีการล่าเหยื่อให้ ลูกหมีจะอยู่กับแม่จนอายุได้ขวบกว่าหรือสองขวบ จากนั้นจะจากแม่ไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

หมีขาวอยู่ที่ไหนกันน้ะ?

หมีขาว ถือได้ว่าเป็นสัตว์กินเนื้อบนพื้นดินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากหมีกริซลีย์ (U. arctos horribilis) (บางข้อมูลจัดให้เป็นที่ 1) ที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ ตัวผู้เต็มวัยอาจสูงได้ถึง 3 เมตร น้ำหนักตัวอาจมากได้ถึง 350–680 กิโลกรัม (770–1,500 ปอนด์) อายุขัยโดยเฉลี่ย 30 ปีสีขนที่เป็นสีขาวครีมอมเหลืองอ่อน ๆ อันเป็นที่มาของชื่อเรียก เนื่องจากผลของเกลือในน้ำทะเล ซึ่งขนสีครีมนี้ทำให้พรางตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งได้เป็นอย่างดี
 หมีขาวมีรูปร่างที่แตกต่างจากหมีชนิดอื่น ๆ ที่เห็นได้ชัดเจน คือ มีส่วนคอที่ยาวกว่า ขณะที่ใบหูก็มีขนาดเล็ก อุ้งเท้ามีขนาดใหญ่ และที่เป็นจุดเด่นเห็นได้ชัด คือ
หมีขาวกระจายพันธุ์อยู่เฉพาะซีกโลกทางเหนือ บริเวณขั้วโลกเหนือหรืออาร์กติกเท่านั้น จัดได้ว่าเป็นสัตว์กินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในซีกโลกนี้ อุ้งเท้าของหมีขาวมีขนรองช่วยให้ไม่ลื่นไถลไปกับความลื่นของพื้นน้ำแข็ง หมีขาวถือเป็นสัตว์ที่เดินทางไกลมาก โดยบางครั้งอาจจะใช้วิธีการนั่งบนแผ่นหรือก้อนน้ำแข็งลอยตามน้ำไป หรือไม่ก็ว่ายน้ำหรือดำน้ำไป ซึ่งหมีขาวจัดเป็นหมีที่ว่ายน้ำและดำน้ำเก่งมาก โดยใช้ขาหน้าพุ้ย หรือบางครั้งก็ใช้ทั้ง 4 ขา เคยมีผู้พบหมีขาวว่ายอยู่ในทะเลที่ห่างจากชายฝั่งไกลถึง 200 ไมล์
หมีขาว เป็นหมีที่ถือได้ว่ากินอาหารมากกว่าหมีชนิดอื่น ๆ ซึ่งอาหารของหมีขาวมีมากมาย เช่น แมวน้ำ หรือ วอลรัส ด้วยการย่องเข้าไปเงียบ ๆ หรือหลบซ่อนตัวตามก้อนหินหรือก้อนน้ำแข็ง นอกจากนี้แล้วบางครั้งยังอาจจับนกทะเล ทั้งไข่และลูกนก บางครั้งก็จับปลากิน หรืออาจจะกินซากของวาฬที่ตายเกยตื้น หรือแม้แต่ซากหมีขาวด้วยกันหรือลูกหมีที่ตายได้ด้วย

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

หมีขั้วโลก (Polar Bear)

 จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นนักล่าแห่งดินแดนขั้วโลกเหนือที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพชีวิตกลางน้ำแข็ง ธรรมชาติสร้างให้หมีขาวแตกต่างจากหมีพันธุ์อื่น คือ มีขนคลุมอุ้งเท้า นิ้วเท้าสั้น เล็บโค้งงอเพื่อ ให้ยึดน้ำแข็งได้อย่างมั่นคง ในขณะเดียวกันก็มีท่อนขาขนาดใหญ่เพื่อเฉลี่ยน้ำหนักมหาศาล เพื่อสามารถเดินบนน้ำแข็งบางๆ ได้

หมีขั้วโลก ตัวผู้หนักถึง 775-1,500 ปอนด์ ส่วนตัวเมียหนัก 330-500 ปอนด์ มีถิ่นที่อยู่บริเวณอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ แต่ไม่มีหลักแหล่งที่แน่นอน พบในอลาสกาแคนาดา รัสเซีย เดนมาร์ก (กรีนแลนด์และนอร์เวย์ เป็นสัตว์สปีชีส์หนึ่งของโลกที่กำลังถูกคุกคาม ปัจจุบันหมีขั้วโลกมีจำนวนประมาณ 22,000-27,000 ตัว อยู่ในแคนาดามากที่สุดคือราว 15,000 ตัว ซึ่งการดำรงชีวิตให้อยู่รอดในแถบอาร์กติกที่มีอุณหภูมิหนาวเย็น ทำให้สัตว์หลายๆ ชนิดใช้เวลายาวนานในการวิวัฒนาการจนมีขนสีขาว หรือเปลี่ยนสีขนในฤดูหนาวจนกลมกลืนกับหิมะ ซึ่งเป็นการพรางตัวที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และหาอาหาร ดังเช่นกระต่ายป่าสีขาว (white hare) , นกนางนวลอาร์กติก (Arctictern) , ตัววีเซล (weasel) , ตัวเลมมิง (lemming) , หมาจิ้งจอกอาร์กติก (Arctic fox)
โดยเฉพาะหมีขั้วโลก (polar bear) ที่ใช้เวลาประมาณ 2 แสนปี พัฒนา และมีวิวัฒนาการจากหมีสีน้ำตาลมาเป็นหมีขาวในทุกวันนี้